ใกล้เข้าสู่ปีการศึกษาใหม่ ๒๕๕๕ ซึ่งจะเปิดเทอม ในไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะนี้จึงเป็นช่วงเวลาของเด็กเรียนในระบบกำลังเรียนกันอย่างเคร่งเครียด เพื่อจะให้ได้คะแนนดี จะได้เข้าโรงเรียนหรือเรียนต่อในโรงเรียนตามที่คิดที่หวังไว้
สำหรับเด็กดอยที่มีความพร้อม แม้จะมีทั้งพรแสวงและพรสวรรค์ ในสายตาของครูในหมู่บ้านและแขกที่มาเยี่ยม และได้เห็นภาพ เห็นพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก หากได้รับโอกาสที่ดี ที่ผู้ใหญ่ใจดีพร้อมหยิบยื่นให้ แต่หากครอบครัวไม่พร้อมสนับสนุน ก็กลับกลายเป็นอุปสรรคได้
เด็กหญิงวิภา นางสาวโซเซา เด็กหญิงหม่าพะ และเด็กชายยงยุทธ ๔ คน ในหลาย ๆ ชีวิตที่ย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ที่พร้อมจะเป็นแรงงาน ให้กับครอบครัว ด้วยวิถีชีวิตชุมชน ความห่างไกล ที่อาศัยอยู่ในป่า กับธรรมชาติ อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกล โดยทั้ง ๔ คนกลับกลายเจอปัญหาอุปสรรค ที่คล้าย ๆ กัน ด้วยเพราะน้อง ๆ กำลังโต จะเป็นแรงงานช่วยทางบ้านได้
เด็กหญิงวิภาอายุ ๑๔ ปี อาศัยอยู่กับพ่อแม่ และมีน้องอีก ๓ คน จึงเป็นพี่สาวคนโตที่ต้องออกไปสู่แรงงานในไร่ปีนี้เป็นปีแรก
เด็กหญิงหม่าพะอายุ ๑๔ ปี อาศัยอยู่กับพ่อแม่ และน้องสาวอีก ๒ คน ปีนี้จึงเป็นปีที่หม่าพะจะต้องเริ่มออกไปช่วยงานในไร่ได้แล้ว
นางสาวโซเซาอายุ ๑๖ ปี อาศัยอยู่กับพ่อและแม่เพียง ๓ คน โดยพี่ชาย ๒ คนได้แต่งงานออกเรือนไปก่อนแล้ว จึงเป็นคนเดียวที่พ่อแม่หวังฝากผีฝากไข้ไว้
เด็กหญิงวิภา แม่อนุญาตให้มาเรียน ถ้านางสาวโซเซามาเรียนด้วย แต่พ่อไม่เห็นด้วย
เด็กหญิงหม่าพะ ทั้งพ่อและแม่อนุญาตให้มาเรียน ถ้านางสาวโซเซามาเรียนด้วย
แต่ปัญหาติดอยู่ที่นางสาวโซเซา เนื่องจากเป็นลูกสาวคนสุดท้อง และหากลงมาเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษา ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๓ ปี แต่เนื่องจากพ่อแม่เห็นว่าเป็นลูกคนเดียวที่ยังเหลืออยู่กับพ่อแม่ ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย จึงไม่อนุญาตให้โซเซาลงมาเรียนต่อ ทำให้ทั้งเด็กหญิงวิภา และเด็กหญิงหม่าพะ จึงเสียโอกาสที่จะได้เรียนต่อในครั้งนี้ด้วย
บางครั้งความรู้สึกนึกคิดของผู้ปกครองที่อยู่ห่างไกล ก็ยากเกินกว่าคนที่ผ่านการศึกษาในระบบการศึกษาแบบโรงเรียน และใช้ชีวิตในเมืองจะเข้าใจได้ ด้วยเพราะมันเป็นวิถีชีวิต วิถีชุมชน วิถีของคนกับวิถีการอาศัยอยู่กับธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร