รัฐบาลได้มีนโยบายประกันราคาสินค้าเกษตร ทางเกษตรอำเภอจึงได้ดำเนินการให้ชาวบ้านที่ปลูกพืชต่าง ๆ ทำการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ในหมู่บ้านนอกจากผู้ใหญ่บ้าน เพื่อจะหาคนเขียนหนังสือขึ้นทะเบียนนั้น ชาวบ้านจึงไปหาครู เพื่อให้ช่วยกรอกข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้
ในการกรอกข้อมูลจะต้องใช้เอกสารทะเบียนบ้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ และแล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็น ชื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในทะเบียนบ้าน ได้ย้ายที่อยู่ไปอำเภอดอยสะเกต ทำให้เอะใจและสงสัยเป็นอย่างมาก
เมื่อย้อนเหตุการณ์ดูจึงทราบว่า เมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๓ เด็กคนนี้ยังอยู่ดีมีสุข ในหมู่บ้านแม่ฮองกลาง แต่เมื่อพอถึงเดือนพฤษภาคม ๕๓ ขึ้นดอยไป ก็ได้ทราบข่าวว่าเด็กคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ต้องคัดชื่อออกจากการเป็นนักเรียนในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยระบุว่าเสียชีวิต
ช่วงนั้นครูผู้ข่วย ครูนำโชค นิมิตคีรีมาศ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วยกันในหมู่บ้านและได้เข้าไปสอบถามและพูดคุยกับชาวบ้านได้ความว่า พ่อไม่ยอมแจ้งตาย และเกิดมีการโต้แย้งกันขึ้นกับผู้ใหญ่บ้าน ครูนำโชคเลยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เข้าใจว่าครอบครัวต้องการเก็บชื่อไว้เพื่อการอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมก็ได้แต่ฟัง ๆ และไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นครูใหม่ที่มาอยู่ในหมู่บ้านและชุมชนนี้ได้ไม่นาน จึงไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ต่อกรณีนี้
ตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๓๕ โดยนายชูวงศ์ ฉายะบุตร ผู้อำนวยการทะเบียนกลาง(ขณะนั้น) ได้แต่งตั้ง กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เป็นนายทะเบียนผู้รับแจ้ง มีหน้าที่รับแจ้งเกิด แจ้งตาย แจ้งย้ายที่อยู่ และแจ้งเกี่ยวกับบ้าน (ขอบ้านเลขที่)
อยู่ดี ๆ คนที่ตายไปแล้ว ได้ย้ายที่อยู่ไปต่างอำเภอ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ น้องคนนี้จะอายุประมาณ ๑๑ – ๑๓ ปี แต่เมื่อย้ายไปแล้วไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร รูปที่มีก็น้อยมาก ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หน้าน้องจะเป็นอย่างไรหนอ เหมือนคนไทย คนกะเหรี่ยง หรือคนพม่า กันแน่