หลังจากขึ้นดอยมาได้ ๑ วัน พอถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ เป็นวันที่นัดกับรถขนอาหารกลางวันที่จะขึ้นมาส่งที่บ้านห้วยบง ห่างจากบ้านแม่ฮองกลางประมาณ ๘ กิโลเมตร ในทุก ๆ ปีที่ผ่านมาทราบว่า รถอาหารกลางวันจะเข้าไม่ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน แต่ปีนี้ฝนตกล่าช้า ทำให้เดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรกที่ต้องขอให้ชาวบ้านและเด็ก ๆ มาช่วยกันเดินมาขนอาหารกลางวัน
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจึงถือว่าโชคดี อาหารกลางวันเข้าไปถึงหมู่บ้าน พอตกเดือนสิงหาคมฝนตกติดต่อกันหลายวันถนนเละ จนรถอาหารกลางวันเข้าไปส่งไม่ได้ จึงได้นัดกันไว้ที่บ้านหวยบง ซึ่งแน่นอนภารกิจในการนัดแนะครั้งนี้ก็ไม่พ้นที่จะขอให้ชาวบ้านและเด็ก ๆ นักเรียนไปช่วยแบกอาหารกลางวันจากบ้านห้วยบง มาบ้านแม่ฮองกลาง
ระยะทาง ๘ กิโลเมตรขึ้นลงภูเขา ชาวบ้านและเด็ก ๆ เดินประมาณ ๑.๓๐ ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าผมจะเดินไปกับเด็กหรือไม่ เพราะผมก็ไปกับเด็กด้วย ๓ คน และขอให้เด็ก ๆ เดินรอผมด้วย เพราะผมเอารถมอเตอร์ไซด์ไป ที่ให้เด็ก ๆ เดินรอไปเรื่อย ๆ ก็เพื่อให้ไปช่วยดึงรถขึ้นภูเขา เท่านั้นเอง 🙂
เมื่อไปถึงบ้านห้วยบงในบ่ายวันที่ ๑๑ สิงหาคม ปรากฎว่ารถอาหารกลางวันไม่มา โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ ติดต่อกันไม่ได้ ทำให้ต้องกลับบ้านแม่ฮองกลาง โดยไม่มีอะไรติดมือกลับมา
ตัวผมเองไม่ค่อยเท่าไหร่ ขับรถมอเตอร์ไซด์ไป เพราะหากไปเดินคงไม่ทันเด็ก และชาวบ้านแน่ ๆ ขนาดเอารถไป ยังไปถึงช้ากว่าชาวบ้าน เพราะถนนลื่น ให้เด็ก ๆ ช่วยเข็ญระหว่างขึ้นเขา แต่ชาวบ้านรู้สึกว่าแต่ละคนจะเสียความรู้สึก ที่เดินไปกลับ ๑๖ กิโลเมตร แต่ไม่มีอะไรติดมือกลับมาบ้าน เสียเวลาเปล่า
ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ผมจึงขอให้ครูชิ ให้เดินทางไปกับชาวบ้านเพื่อช่วยตรวจเช็คอาหารกลางวัน วันนี้ชาวบ้าน และครูชิก็กลับพร้อมกับคำบ่น เหมือนผมเลย คือรถอาหารกลางวันไม่มาตามที่นัดไว้ เมื่อกลับมาบ้านแม่ฮอง ครูชิจึงได้เดินไปโทรศัพท์บนภูเขา ซึ่งต้องขึ้นไปสูงประมาณ ๑ กิโลเมตร จึงจะมีสัญญาณ เพื่อนัดแนะรถอาหารกลางวัน ทำให้ทราบว่ารถเสียกำลังหารถเปลี่ยนให้ในวันถัดไป
พอถึงวันศุกร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ครูชิ จึงได้เดินไปบ้านห้วยบงอีกครั้ง ปรากฎว่า อาหารกลางวันมาแต่ของบ้านแม่เกิบและบ้านแม่ฮองใต้ ส่วนของบ้านแม่ฮองกลางและบ้านห้วยหวาย ยังไม่มาโดยทราบว่า เจ้าของรถขอวิ่งอาหารกลางวัน ๒ เที่ยว และขึ้นค่ารถขนส่งอาหารอีก ครูชิจึงไปกับรถ เพื่อไปเอาอาหารกลางวันที่ อำเภออมก๋อย และกลับขึ้นมาถึงบ้านห้วยบงประมาณ ๑๙.๐๐ น. ซึ่งมืดค่ำลงแล้ว
มีชาวบ้านผู้ชายบางส่วนที่ตัดสินใจเดินเท้าเอาอาหารกลางวันกลับมาบางส่วน ชาวบ้านส่วนใหญ่และเด็ก ๆ ที่ตั้งใจไปแบกอาหารกลางวันในวันนี้จึงตัดสินใจนอนบ้านห้วยบงเพื่อแบกอาหารกลางวันกลับในวันเสาร์ที่ ๑๔
ผมอยู่ ศศช. กับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ไปเอาอาหารกลางวัน เช้าวันที่ ๑๔ คนส่วนใหญ่ที่เดินเท้าไปรับอาหารกลางวันก็ทยอยเอามาส่งให้ และทยอยมาส่งจนครบในช่วงบ่าย ซึ่งมีทั้งรองเท้าบูตและด้ายทอเสื้อ
ไม่คิดว่าเดือนแรกที่แบกมันจะวุ่นวายขนาดนี้ นอกจากเสียแรง เสียความรู้สึกแล้ว เสียดายเวลาที่สูญเสียไป ๓ วันกว่าจะมีอาหารกลางวันให้น้อง ๆ หวังว่าเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จะมีปัญหาน้อยลงในการขนส่ง
และแล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยของเด็ก ๆ ก็มาถึง โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองที่มาคอยลุ้นเอาใจช่วยลูกหลานตัวเอง เมื่อผมแจ้งว่ารองเท้าและด้าย ที่ผู้ใหญ่ใจดีบริจาคเงินมาซื้อให้นั้น จะแจกให้ในวันนี้เลย รอยยิ้มของทุกคนก็กลับมา ลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลย