โลกทั้งผอง พี่น้องกัน อมตวลีของ มหาตมา คานที ที่ผมเคยอ่านและจำมาตั้งแต่สมัยเด็ก หรือวัยรุ่นไม่แน่ใจ ที่มันฝังหัวว่า ไม่ว่ามนุษย์ชนเผ่าไหน เชื้อชาติใด ก็คือมนุษย์ คนหนึ่ง คือเพื่อน คือพี่น้องร่วมโลกของเรา
การที่เรามาขีดเส้นกั้นในความคิดของคนทั่วไปว่า รั้วนี้บ้านเรา เขตนั้น จังหวัดนั้น ภาคนี้ หรือแม้แต่ประเทศนั้น ๆ ก็เป็นการสมมติ โดยการเอาภาษาและวัฒนธรรมมาเป็นตัวกั้นระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ระหว่างสอนเด็กในสาย ๆ วันหนึ่ง ได้รับเชิญไปกินข้าวบ้านชาวบ้าน เดินผ่านไปหน้าศูนย์การเรียนฯ เหมือนจะมีคนคุยกันว่าผมเป็นทหารหรือเปล่า ชาวบ้านบอกว่าผมเป็นครู (สนทนากันด้วยภาษาไทย) แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เดินไปยังบ้านเป้าหมาย และมาทราบภายหลังว่าคนนั้นเป็นชาวพม่า เข้ามาขายหม้อ โดยเดินเท้าเข้ามาตามตะเข็บชายแดน
เมื่อผมเดินกลับจากบ้านที่เชิญไปกินข้าวในอีก ๑๕ นาทีต่อมา เขามั่นใจแล้วว่าผมไม่ใช่ทหาร ก็เข้ามาคุยกับผมโดยเชื้อเชิญให้ผมซื้อบุหรี่พม่า ผมแจ้งไปว่าไม่สูบบุหรี่ เลยถ่ายรูปสินค้าที่เขานำเข้ามาขาย
ครั้งแรกเห็นชาวพม่า ๔-๕ คน เดินลัดหมู่บ้านกลับออกไปทางอำเภอสบเมย เด็ก ๆ บอกว่าเป็นพม่ามารับจ้างตัดไม้
ครั้งที่สอง ขณะลงจากดอยในบ่ายของวันหนึ่งระหว่างผ่านบ้านผาปูน มีกลุ่มชายนุ่งโสร่ง ๗-๑๐ คนเดินผ่านหน้าไป โดยมีหมาของชาวบ้านคอยเห่าส่งตลอด จนเดินลับสายตาไป
ครั้งนี่เป็นครั้งที่สาม ที่ผมเห็นชาวพม่าเข้ามาทำมาหากิน ในเขตประเทศไทย โดยไม่ได้ผ่านระบบการตรวจคนเข้าเมือง อย่างที่ระบบราชการ หรือฝ่ายทหาร หน่วยงานความมั่นคงอยากให้เป็น
จากการที่ได้คุยกับวัยรุ่น และเด็ก ๆ ทำให้ทราบว่าความรู้สึกของคนในพื้นที่แถบชายแดน ชายขอบแถบนั้น เหมือนจะกลัว ๆ ชาวพม่าเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน
แต่สำหรับผม ถึงแม้จะพูดคนละภาษา วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนร่วมโลก การให้เกียรติ เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพที่พึงมีพึงได้ เป็นเรื่องของสิทธิ์พื้นฐานในฐานะมนุษย์ ที่เราพึงกระทำต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก